โรงเรียนเทพศิรินทร์
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
โรงเรียนเทพศิรินทร์ | |
---|---|
![]() | |
น สิยา โลกวฑฺฒโน (ไม่ควรเป็นคนรกโลก)
| |
1466 ถนนกรุงเกษม แขวงวัดเทพศิรินทร์ เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพมหานคร ![]() | |
ข้อมูล | |
ชื่ออังกฤษ | Debsirin School |
อักษรย่อ | ท.ศ. (DS) |
ประเภท | รัฐบาล |
สถาปนา | 15 มีนาคม พ.ศ. 2428 |
ผู้ก่อตั้ง | พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว |
รหัส | 1000100802 |
ผู้อำนวยการ | นายอนันต์ ทรัพย์วารี |
สี | เขียวและ เหลือง |
เพลง | บทร้องประจำโรงเรียนเทพศิรินทร์ (อโหกุมาร) |
สังกัดการศึกษา | สพฐ. |
เว็บไซต์ | debsirin.ac.th |
โรงเรียนเทพศิรินทร์ (อังกฤษ: Debsirin School, ย่อ: ท.ศ., DS) เป็นโรงเรียนรัฐบาลชายล้วนขนาดใหญ่ในเครือจตุรมิตร ซึ่งประกอบด้วย โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย โรงเรียนเทพศิรินทร์ โรงเรียนอัสสัมชัญ และโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย ตั้งอยู่ เลขที่ 1466 ถนนกรุงเกษม แขวงวัดเทพศิรินทร์ เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพมหานคร
โรงเรียนเทพศิรินทร์ อยู่ภายใต้สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ เป็นโรงเรียนประจำ วัดเทพศิรินทราวาส ราชวรวิหาร ก่อตั้งขึ้นใน 15 มีนาคม พ.ศ. 2428 ตามพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5
ปัจจุบันโรงเรียนเทพศิรินทร์มีอายุ 129 ปี เป็นโรงเรียนรัฐบาลที่เก่าแก่ที่สุดเป็นอันดับ 4 ของประเทศ เป็นโรงเรียนชายล้วนที่เก่าแก่อันดับ 5 ของประเทศ นอกจากนี้โรงเรียนเทพศิรินทร์ยังประกอบด้วย โรงเรียนเครือข่ายที่มีคำนำหน้าว่า "เทพศิรินทร์" อีก 9 แห่ง
โรงเรียนเทพศิรินทร์เป็นโรงเรียนรัฐบาลแห่งเดียวในประเทศไทย ที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเข้ารับการศึกษา คือ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดลรัชกาลที่ 8 นอกจากนี้ยังมีนักเรียนเก่าที่ดำรงตำแหน่งสำคัญทางการเมืองมากมาย อาทิ นายกรัฐมนตรีไทย 4 คน รวมถึง นายกรัฐมนตรีมาเลเซียคนแรก
เนื้อหา
[ซ่อน]- 1 ประวัติโรงเรียน
- 2 ตราประจำโรงเรียนเทพศิรินทร์
- 3 เพลงประจำโรงเรียน
- 4 ทำเนียบผู้บริหารโรงเรียน
- 5 ประเภทห้องเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น
- 6 แผนการเรียนการสอนระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย
- 7 นักเรียนเก่าที่มีชื่อเสียง
- 8 โรงเรียนเทพศิรินทร์ เครือข่าย
- 9 เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับโรงเรียนเทพศิรินทร์
- 10 โรงเรียนมัธยมศึกษาใกล้เคียง
- 11 สถานที่ที่อยู่ใกล้เคียง
ประวัติโรงเรียน[แก้]
ในปี พ.ศ. 2419 องค์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระชนมายุครบเบญจเพส จึงมีพระราชดำริที่จะสร้างพระอารามเพื่อทรงอุทิศพระราชกุศลถวายสนองพระเดชพระคุณแด่องค์พระราชชนนี คือ สมเด็จพระเทพศิรินทราบรมราชินี จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สถาปนาวัดเทพศิรินทราวาสขึ้น โรงเรียน เทพศิรินทร์ ได้รับการสถาปนาจาก องค์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อวันที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2428 ด้วยพระราชปรารภที่จะทำนุบำรุงการศึกษาเล่าเรียนให้เจริญแพร่หลายขึ้นโดยรวด เร็วจึงมีพระบรมราชโองการให้จัดการศึกษาสำหรับราษฎรขึ้น โดยพระเจ้าน้องยาเธอพระองค์เจ้าดิศวรกุมาร (กรมพระยาดำรงราชานุภาพ) ได้จัดตั้งโรงเรียนปริยัติธรรมบาลี ขึ้นภายใน วัดเทพศิรินทราวาส โดย ในช่วงแรกของการจัดตั้งโรงเรียนนั้น โรงเรียนเทพศิรินทร์ได้อาศัยศาลาการเปรียญภายในวัดเทพศิรินทราวาสเป็นที่ทำ การเรียนการสอน
ครั้นถึง พ.ศ. 2438 สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช ได้ทรงดำริที่จะสร้างตึกเรียนสำหรับวัดเทพศิรินทราวาสขึ้น เพื่ออุทิศพระกุศล สนองพระเดชพระคุณแห่งองค์ สมเด็จพระเทพศิรินทราบรมราชินี พระชนนี และเพื่ออุทิศพระกุศลแก่ หม่อมแม้น ภาณุพันธุ์ ณ อยุธยา ชายาของพระองค์ ตึกเรียนหลังแรกนี้ได้รับการออกแบบให้มีศิลปะเป็นแบบโกธิคซึ่งถือว่าเป็นอาคารศิลปะโกธิคยุคแรกและมีที่เดียวในประเทศไทยโดยสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอเจ้าฟ้าจิตรเจริญ กรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์เป็นผู้ออกแบบ และในการนี้ พระยาโชฏึกราชเศรษฐี ได้บริจาคทุนทรัพย์เพื่อสร้างตึกอาคารเรียนหลังที่สองขึ้นที่ด้านข้างของตึกเรียนหลังแรกอีกด้วย เพื่อทดแทนคุณบิดามารดา ตึกนี้มีนามว่า ตึกโชฏึกเลาหเศรษฐี เป็นตึกเรียนวิทยาศาสตร์ และถือว่าทันสมัยที่สุดในสมัยนั้น
ปี พ.ศ. 2445 ตึกเรียนหลังแรกของโรงเรียนได้สร้างเสร็จและได้ทำพิธีเปิดการเรียนการสอนใน วันที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2445 ด้วยพระมหากรุณาธิคุณแห่งองค์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานนามตึกเรียนหลังนี้ว่า ตึกแม้นนฤมิตร์ และ ได้พระราชทานนามโรงเรียนว่า "เทพศิรินทร์" อีกทั้งยังมีพระราชดำริให้ย้ายโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย มายังตึกแม้นนฤมิตร์อีกด้วย เพื่อรอการก่อสร้างตึกอาคารเรียนที่โรงเรียนนั้น
ตึกเรียนหลังที่สามของโรงเรียนเทพศิรินทร์นั้นเกิดขึ้นในปี พ.ศ. 2453 องค์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระราชทานทรัพย์ซึ่งเป็นมรดกของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าเยาวมาลย์นฤมล กรมขุนสวรรคโลกลักษณวดี ให้กระทรวงศึกษาธิการทำการจัดสร้างตึกขึ้นด้านตรงกันข้ามของตึกแม้นนฤมิตร โดยตึกเรียนหลังนี้ยังคงศิลปะโกธิค ซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งของโรงเรียนเทพศิรินทร์ อาคารเรียนหลังนี้สร้างเสร็จในปีถัดมา พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 พระราชทานนามว่า เยาวมาลย์อุทิศ สำหรับเครื่องครุภัณฑ์ต่างๆในอาคารนั้น สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้ายุคลทิฆัมพร กรมหลวงลพบุรีราเมศวร์ ทรงเป็นผู้ติดต่อให้สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ามาลินีนพดารา กรมขุนศรีสัชนาลัยสุรกัญญาและสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้านิภานภดล กรมขุนอู่ทองเขตขัตตินารี ได้ทรงร่วมกันบริจาค
ปี พ.ศ. 2474 โรงเรียนเทพศิรินทร์ได้เปิดใช้อาคารเรียนอีกหลังหนึ่งคือ ตึกปิยราชบพิตรปดิวรัดา ตึกนี้เกิดขึ้นจากที่พลเอก สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอเจ้าฟ้ายุคลทิฆัมพร กรมหลวงลพบุรีราเมศวร์ ได้ทรงให้สร้างขึ้น เพื่อเป็นการอุทิศพระกุศลถวาย แด่พระวิมาดาเธอ พระองค์เจ้าสายสวลีภิรมย์ กรมพระสุทธาสินีนาฏ ปิยมหาราชปดิวรัดา พระมารดาของ พระองค์ ตึกเรียนอยู่ติดกันกับตึกเยาวมาลย์อุทิศ โดยตึกหลังนี้ก็ยังคงไว้ซึ่งศิลปะโกธิค
ใน ปี พ.ศ. 2475 พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอานันทมหิดล ทรงเข้ารับการศึกษา หลังจากนั้นอีกเพียง 2 ปี พระองค์เจ้าอานันทมหิดลก็ได้เสด็จเถลิงถวัลย์ราชสมบัติ เป็นพระมหากษัตริย์ พระองค์ที่ 8 แห่งราชวงศ์จักรีทรงมีพระปรมาภิไธยว่าพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร ทรงมีความผูกพันกับ โรงเรียนเทพศิรินทร์มาโดยตลอด มีพระมหากรุณาธิคุณล้นเกล้าล้นกระหม่อมแก่ โรงเรียนเทพศิรินทร์ สมาคมนักเรียนเก่าฯ ตลอดจนมวลหมู่ลูกแม่รำเพยทุกคน
สงครามโลกครั้งที่สองได้ทวีความรุนแรงมากขึ้นเมื่อฝ่ายสัมพันธมิตรทิ้งระเบิดลงมาในพระนคร กระทรวงศึกษาธิการจึงสั่งปิดโรงเรียนทั่วพระนคร ด้วยเหตุที่โรงเรียนเทพศิรินทร์ตั้งอยู่ใกล้สถานีรถไฟกรุงเทพนั้น เป็นเหตุให้โรงเรียนไม่สามารถหนีจากหายนะของสงครามนี้ได้ โดยเมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2488 ตึกแม้นนฤมิตร์ และ ตึกโชฎึกเลาหเศรษฐี ตึกเรียนสองหลังแรกของโรงเรียนได้รับภัยทางอากาศจากการทิ้งระเบิดทำให้ไม่ สามารถใช้ทำการเรียนการสอนได้อีกตลอดทั้งอาคารเรียนอีกหลายๆหลังก็ได้รับ ความเสียหายพอสมควร จากการที่แหล่งรวมจิตใจของชาวเทพศิรินทร์ได้ถูกภัยสงคราม ทางกระทรวงศึกษาธิการ วัดเทพศิรินทราวาส ตลอดถึงสมาคมนักเรียนเก่าฯ ได้ร่วมกันสร้างอาคารหลังใหม่ขึ้นมาทดแทนโดยคงศิลปะโกธิคอยู่เช่นเดิม อาคารหลังใหม่นี้ได้รับการขนานนามว่า ตึกแม้นศึกษาสถาน
โรงเรียน เทพศิรินทร์ ได้มีการพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว จึงเป็นเหตุให้ต้องมีการขยายห้องเรียนขึ้น จนในปี พ.ศ. 2513 ทางโรงเรียนได้ร่วมกับสมาคมนักเรียนเก่าฯ ขออนุญาตทางวัดเทพศิรินทราวาส ใช้อาคารของทางวัดหลังหนึ่งเพื่อเป็นที่ทำการเรียนการสอนอาคารนั้นมีชื่อว่า ตึกนิภานภดล โดยอาคารนี้สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้านิภานภดล กรมขุนอู่ทองเขตขัตตินารี ได้สร้างขึ้นถวายแก่วัดเทพศิรินทราวาส ขณะเมื่อพระชันษา 28 ปี เสมอด้วยพระอัยยิกา สมเด็จพระเทพศิรินทราบรมราชชนนี ในปี พ.ศ. 2467 เพื่อเป็นโรงเรียนพระปริยัติธรรม สำหรับพระภิกษุสามเณร
แต่ ด้วยการพัฒนาโรงเรียนไปอย่างรวดเร็วมาก ทำให้จำนวนห้องเรียนไม่เพียงพอ จึงทำให้ต้องมีการสร้างตึกเรียนขึ้นมาใหม่ ทำให้ทางโรงเรียนต้องมีการรื้อถอนตึกเรียนเดิม 2 หลังคือ ตึกเยาวมาลย์อุทิศ และ ตึกปิยราชบพิตรปดิวรัดา สำหรับตึกใหม่ที่สร้างขึ้นทดแทนเป็นอาคารเรียน 6 ชั้น และได้ใช้ชื่อว่า ตึกเยาวมาลย์อุทิศปิยราชบพิตรปดิวรัดา ตามตึกเรียนสองหลังเดิม ซึ่งในครั้งนั้นสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดีเสด็จพระดำเนินมาในการวางศิลาฤกษ์ด้วย
โรงเรียนเทพศิรินทร์ ได้เติบโตขึ้นเป็นลำดับจำนวนนักเรียนมากขึ้นทุกปี จึงได้มีการสร้างอาคารเรียนเพิ่มเติมอีกคือ อาคารภาณุรังษี อาคารรัชมังคลาภิเษก 2531 และ อาคารเทิดพระเกียรติ
ตราประจำโรงเรียนเทพศิรินทร์[แก้]
ภาพอาทิตย์อุทัยทอแสงบนพื้นน้ำทะเล หมายถึง “ภาณุรังษี” และ “วังบูรพาภิรมย์” โดย “ภาณุรังษี” นี้เป็นพระนามของสมเด็จพระราชปิตุลาบรมพงศาภิมุข เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช ผู้ทรงประทานตรานี้ให้แก่โรงเรียนเมื่อปี พ.ศ. 2467 พระองค์มีพระคุณอเนกอนันต์แก่โรงเรียน อาทิทรงเป็นผู้ทูลขอให้ทรงสถาปนาโรงเรียนต่อองค์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อปี พ.ศ. 2438 ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นการสถาปนาโรงเรียนแบบถาวรและทรงถือว่าโรงเรียนนี้เป็นโรงเรียนในดูแลของพระองค์ด้วย
อักษรประดิษฐ์ “ม” หมายถึง “หม่อมแม้น ภาณุพันธุ์ ณ อยุธยา” ชายาอันเป็นที่รักของสมเด็จพระราชปิตุลาบรมพงศาภิมุข เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช เพื่อเป็นอนุสาวรีย์ที่ระลึกถึงหม่อมแม้น ว่าถ้าไม่มีหม่อนแม้น การกำเนิด ตึกแม้นนฤมิตร ก็คงไม่มี ดังนั้นโรงเรียนเทพศิรินทร์ก็คงไม่มี จึงเป็นความหมายที่ควรระลึกไว้
ช่อดอกรำเพย หมายถึง พระนามแห่งองค์สมเด็จพระเทพศิรินทราบรมราชินี มีพระนามเดิมว่า “หม่อมเจ้าหญิงรำเพย ศิริวงศ์” พระบรมราชชนนีของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระราชปิตุลาบรมพงศาภิมุข เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช ซึ่งทั้งสองพระองค์ทรงสร้างพระอารามและโรงเรียนเพื่อเป็นพระราชกุศลแด่พระ บรมราชชนนี ทำเครื่องหมายดอกรำเพยไว้เพื่อให้คนรุ่นหลัง รู้ไว้ว่าพระนามเทพศิรินทร์นี้ได้มาจากพระองค์ท่าน เป็นพระนามมหามงคลยิ่งควรรักษาไว้ให้ดี
สีประจำโรงเรียน คือ “สีเขียวและสีเหลือง” เป็นสีประจำวันพฤหัสบดี ตามตำราพิชัยสงคราม (สวัสดิรักษา) ซึ่งวันพฤหัสบดีนั้นเป็นวันประสูติของสมเด็จพระเทพศิรินทราบรมราชินี ในรัชกาลที่ 4 อีกทั้งยังเป็นสีของใบและดอกของต้นรำเพย ซึ่งเป็นพระนามเดิมของสมเด็จพระเทพศิรินทราบรมราชินี คือ “พระองค์เจ้ารำเพยภมราภิรมย์”
ดอกรำเพย จึงถือเป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งของโรงเรียนเทพศิรินทร์ พุทธสุภาษิตประจำโรงเรียน “น สิยา โลกวฑฺฒโน” ความหมายคือ “ไม่ควรเป็นคนรกโลก” เป็นพุทธสุภาษิตซึ่งสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (เจริญ ญาณวรเถร) เจ้าอาวาสวัดเทพศิรินทราวาสองค์ ที่ 5 ได้ประสาทให้แก่โรงเรียน และท่านอธิบายความหมายของพุทธสุภาษิตบทนี้ว่า “คนเราบางคน เกิดมารกโลก ทำนองเดียวกับติณชาติที่หาประโยชน์อะไรมิได้ ทำให้เสียเงินทองกำจัด และรกชัฏขวากหนาม บางอย่างเป็นศัตรูแก่โลกไม่เป็นประโยชน์ มนุษย์ที่ไม่มีเมตตากรุณา คอยแต่จะเบียดเบียยนผู้อื่น จัดว่าเป็นคนรกโลก อย่าเกิดมาเลยเสียดีกว่า สู้สัตว์บางชนิดก็ไม่ได้”
เพลงประจำโรงเรียน[แก้]
บทร้องอโหกุมาร เป็นเพลงประจำโรงเรียนเทพศิรินทร์ เพลงนี้เป็นพระนิพนธ์ของพระราชวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้ารัชนีแจ่มจรัส กรมหมื่นพิทยาลงกรณ์ (น.ม.ส.) พระองค์ทรงเป็นหนึ่งในกวีชั้นยอดแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ โดยพระยาจรัลชวนะเพท อาจารย์ใหญ่โรงเรียนเทพศิรินทร์ในสมัยนั้น เห็นว่าทางโรงเรียนมีงานรื่นเริงประจำปีเสมอ จึงควรจะมีบทเพลงประจำสักหนึ่งบท จึงทูลขอให้ทรงนิพนธ์ พระองค์ได้ทรงนิพนธ์แล้วเสร็จและประทานแก่โรงเรียนเมื่อวันที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2474 จากนั้น วันที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2474 ทางโรงเรียนได้มีหนังสือแจ้งขออนุญาตไปยังกระทรวงธรรมการ (ปัจจุบันคือกระทรวงศึกษาธิการ) เพื่อขอใช้บทพระนิพนธ์นี้เป็นบทร้องประจำโรงเรียนเทพศิรินทร์ ต่อจากนั้นพระราชวรวงศ์เธอกรมหมื่นพิทยาลงกรณ์ทรงโปรดให้ หลวงประสานบรรณวิทย์เป็นผู้ฝึกร้องตามทำนองฝรั่ง จนร้องถูกต้องดีเมื่อวันที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2475 ดังนั้นจึงนับเอาวันที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2475 เป็นวันที่บทร้องอโหกุมารถูกร้องเป็นวันแรก[ต้องการอ้างอิง]
บทร้องอโหกุมารทรงนิพนธ์ด้วยสยามวิเชียรฉันท์ 8 ซึ่งมีความไพเราะมีจังหวะเสียงขึ้นลงสลับกันไปมา ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งที่แปลก โดยบทสยามวิเชียรฉันท์ 8 นี้ พูดได้ว่ามีเพลงอโหกุมารเพียงเพลงเดียว[ต้องการอ้างอิง] และเป็นเรื่องแปลกในการใช้ฉันท์มาใส่ทำนองร้องเป็นเพลงได้[ต้องการอ้างอิง] ชาวเทพศิรินทร์ทุกคนถือว่าบทร้องอโหกุมารมีความศักดิ์สิทธิ์ เมื่อใดที่ได้ยินจะยืนตรงแสดงความเคารพและร้องด้วยความภูมิใจในเกียรติยศและศักดิ์ศรี และภูมิใจเสมอว่าเพลงนี้ได้ชื่อว่าเป็นเพลงประจำสถาบันที่มีความไพเราะที่สุด[ต้องการอ้างอิง]
บทร้องประจำโรงเรียน
![]() |
| ![]() |
ทำเนียบผู้บริหารโรงเรียน[แก้]
รายนามผู้อำนวยการ | วาระการดำรงตำแหน่ง |
---|---|
นายเปลี่ยน | พ.ศ. ๒๔๓๑ |
ขุนอนุศิษฐ์วิบูลย์ | พ.ศ. ๒๔๓๕ |
พระยาโอวาทวรกิจ | มิถุนายน ๒๔๔๕ - เมษายน ๒๔๔๖ |
พระยาจรัลชวะนะเพท | ๒๗ เมษายน ๒๔๔๖ |
นายเอฟ.ยี.เทรส์ | ๑๖ มิถุนายน ๒๔๔๕ - ๒๔๕๐ |
นายเอช.อี.สไปวีส์ | ๖ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๕๐ - ๑๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๕๒ |
นายตี.ยัดจ์ | ๑๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๕๒ - ๔ มกราคม พ.ศ. ๒๔๖๒ |
นายเย.เอช.เซดชวิค | ๑๗ พ.ศ. ๒๔๖๒ - ๑ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๖๓ |
นายเอ็น.แอล.เซลลีย์ | ๑ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๖๓ |
พระสันธิวิทยาพัฒน์ | ๑๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๘ - มกราคม พ.ศ. ๒๔๗๙ |
พระดรุณพยุหรักษ์ (บุญเย็น ธนโกเศศ) | ๔ มกราคม พ.ศ. ๒๔๗๙ -๑ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๘๑ |
หลวงชุณหกสิการ | ๑ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๘๑ -ต้นปี พ.ศ. ๒๔๘๒ |
หลวงสวัสดิสารศาสตรพุทธิ | ต้นปี พ.ศ. ๒๔๘๒ - พ.ศ. ๒๔๘๕ |
นายถวิล ดารากร ณ อยุธยา | พ.ศ. ๒๔๘๕ - ๓๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๙๐ |
หลวงจรัสการคุรุกรรม | ๗ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๙๐ - ๒๔ กันยายน พ.ศ. ๒๔๙๑ |
นายสวัสดิ์ ภูมิรัตน์ | ๒๔ กันยายน พ.ศ. ๒๔๙๑ - ๑๖ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๐๒ |
นายดำรง มัธยมนันทน์ | ๑๗ พฤษภาาคม พ.ศ. ๒๕๐๓ - ๑ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๐๖ |
นายบุญอวบ บูรณะบุตร | ๒ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๐๗ - ๓๐ กันยายน พ.ศ. ๒๕๑๘ |
นายเจตน์ แก้วโชติ | ๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๑๘ - ๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๒๐ |
นายเจือ หมายเจริญ | ๒๐ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๒๐ - ๑๘ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๒๓ |
นายชาลี ถาวรานุรักษ์ | ๑๘ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๒๓ - ๙ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๓๐ |
นายอุดม วัชรสกุณี | ๑๐ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๓๐ - ๕ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๓๓ |
นายณรงค์ กาญจนานนท์ | ปลายปี พ.ศ. ๒๕๓๓ - ปลายปี พ.ศ. ๒๕๔๒ |
นายมังกร กุลวานิช | ปลายปี พ.ศ. ๒๕๔๒ - พ.ศ. ๒๕๔๖ |
นายสมชัย เชาว์พานิช | พ.ศ. ๒๕๔๖ - พ.ศ. ๒๕๔๗ |
นายประกาศิต ยังคง | พ.ศ. ๒๕๔๗ -พ.ศ. ๒๕๕๑ |
นายคงวุฒิ ไพบูลย์ศิลป | พ.ศ. ๒๕๕๑ - พ.ศ. ๒๕๕๒ |
นายสุทธิศักดิ์ เฟื่องเกษม | พ.ศ. ๒๕๕๒ - ๓๐ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๕ |
นายปรเมษฐ์ โมลี | พ.ศ. ๒๕๕๕ - ๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๖ |
นายอนันต์ ทรัพย์วารี | ๑๙ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๖ |
ประเภทห้องเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น[แก้]
โรงเรียนเทพศิรินทร์แบ่งประเภทห้องเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น (มัธยมศึกษาปีที่1 - มัธยมศึกษาปีที่3) ออกเป็น 3 แผนการเรียน ได้แก่
- 1.ห้องเรียนห้องปกติ 7 ห้อง
- 2.ห้องเรียนพิเศษวิทยาศาสตร์ 2 ห้อง
- 3.ห้อง Mini English Program (MEP) 1 ห้อง ( เริ่มตั้งแต่ปี พ.ศ. 2558 )
* โรงเรียนเทพศิรินทร์ได้เป็นผู้ริเริ่มและบุกเบิกในแผนการเรียน English Program เป็นโรงเรียนแรกของประเทศไทยเมื่อร้อยกว่าปีก่อน
แผนการเรียนการสอนระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย[แก้]
โรงเรียนเทพศิรินทร์แบ่งแผนการเรียนการสอนระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย (มัธยมศึกษาปีที่4 - มัธยมศึกษาปีที่6) ออกเป็น 2 แผนการเรียน ได้แก่
- 1.แผนการเรียนวิทยาศาสตร์-คณิตศาสตร์ จำนวน 6 ห้อง (เป็นห้องเรียนพิเศษวิทยาศาสตร์ จำนวน 2 ห้อง)
- 2.แผนการเรียนศิลป์ จำนวน 6 ห้อง
- ศิลป์-คณิตศาสตร์
- ศิลป์-ภาษาต่างประเทศ
(หมายเหตุ : แผนการเรียนศิลป์ทั้ง 2 นั้น จะเป็นการเรียนร่วมชั้นเรียนโดยไม่มีการแยกห้องเรียนว่าเป็น ศิลป์-คณิตศาสตร์ หรือ ศิลป์-ภาษาต่างประเทศแต่จะมีวิชาเลือกไปทางสายของตนเอง จึงเป็นที่มาของคำว่า ˝สายศิลป์รวม˝ ของเทพศิรินทร์)
แผนการเรียนศิลป์-ภาษาต่างประเทศของโรงเรียนเทพศิรินทร์ เปิดการเรียนการสอนให้กับนักเรียนทั้งหมด 4 ภาษา ได้แก่
- ภาษาฝรั่งเศส
- ภาษาเยอรมัน
- ภาษาจีน
- ภาษาญี่ปุ่น
นักเรียนเก่าที่มีชื่อเสียง[แก้]
- พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร รัชกาลที่ 8 (ทรงเข้ารับการศึกษาเมื่อปี พ.ศ. 2475 เลขประจำพระองค์ 2329 ป.)
- พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจุมภฏพงษ์บริพัตร กรมหมื่นนครสวรรค์ศักดิพินิต (ท.ศ. 970)
- พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าภาณุพันธ์ยุคล (ท.ศ. 1489)
- พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอนุสรมงคลการ
- พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าพีระพงศ์ภาณุเดช (ท.ศ. 1705)
- พุ่ม สาคร (ท.ศ. 1) นักเรียนทุนเล่าเรียนหลวงคนแรกของประเทศไทย
- ตนกู อับดุล ระห์มัน (ท.ศ. 1233) นายกรัฐมนตรีคนแรกของประเทศมาเลเซีย โอรสในสุลต่านองค์ที่ 25 แห่งรัฐเกดะห์
- ควง อภัยวงศ์ (ท.ศ.646ป) นายกรัฐมนตรีของประเทศไทย คนที่ 4
- หม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช (ท.ศ.1130ป) นายกรัฐมนตรีของประเทศไทย คนที่ 6
- ถวัลย์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ นายกรัฐมนตรีของประเทศไทย คนที่ 8
- ชาติชาย ชุณหะวัณ (ท.ศ 4563) นายกรัฐมนตรีของประเทศไทย คนที่ 17
- ศรีบูรพา (กุหลาบ สายประดิษฐ์) นักเขียนผู้ได้รับการยกย่องจากองค์กรยูเนสโก
- กำธน สินธวานนท์ องคมนตรี
- อรรถนิติ ดิษฐอำนาจ องคมนตรี
- หะริน หงสกุล (ท.ศ.3371) อดีตประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ และประธานรัฐสภา
- กฤษณ์ สีวะรา (ท.ศ. 3984) อดีตผู้บัญชาการทหารบก
- หม่อมหลวงชูชาติ กำภู (ท.ศ. 1001) นักเรียนทุนเล่าเรียนหลวง ผู้ก่อตั้งวิทยาลัยการชลประทาน
- หม่อมเจ้าภีศเดช รัชนี (ท.ศ.3944) ประธานมูลนิธิโครงการหลวง
- หม่อมเจ้าปิยะรังสิต รังสิต (ท.ศ.2757)
- หม่อมเจ้าอากาศดำเกิง รพีพัฒน์ (ท.ศ.1957) นักเขียน
- หม่อมหลวงเดช สนิทวงศ์ (ท.ศ.193) ผู้วางรากฐานการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม การกสิกรรม และกิจการสหกรณ์ของไทย
- หม่อมราชวงศ์ถนัดศรี สวัสดิวัตน์ (ท.ศ.5444) นักเขียนและนักจัดรายการวิทยุ/โทรทัศน์
- เสม พริ้งพวงแก้ว (ท.ศ.2380) นายแพทย์ผู้บุกเบิกการแพทย์ชนบทและการแพทย์สมัยใหม่
- สมบัติ เมทะนี (ท.ศ.7044) นักแสดงภาพยนตร์มากที่สุดในโลกถึง 617 เรื่อง
- อนุวัฒน์ สงวนศักดิ์ภักดี [บอย พีซเมกเกอร์] (ท.ศ.29986) นักร้อง
- สมชาย เข็มกลัด (ท.ศ.24435) นักร้อง นักแสดง
- นครินทร์ กิ่งศักดิ์ (ท.ศ.19188) นักร้อง
- สุรัตน์ โอสถานุเคราะห์ (ท.ศ.5940) นักธุรกิจ ประธานกรรมการบริษัท โอสถสภา จำกัด ผู้ก่อตั้งมหาวิทยาลัยกรุงเทพ
โรงเรียนเทพศิรินทร์ เครือข่าย[แก้]
- โรงเรียนเทพศิรินทร์ร่มเกล้า
- โรงเรียนเทพศิรินทร์คลองสิบสาม ปทุมธานี
- โรงเรียนเทพศิรินทร์ นนทบุรี
- โรงเรียนเทพศิรินทร์ พุแค สระบุรี
- โรงเรียนเทพศิรินทร์ ลาดหญ้า
- โรงเรียนเทพศิรินทร์ ขอนแก่น
- โรงเรียนเทพศิรินทร์ เชียงใหม่
- โรงเรียนเทพศิรินทร์๙ โครงการหลวงในพระบรมราชูปถัมภ์]]
- โรงเรียนเทพศิรินทร์ สมุทรปราการ
เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับโรงเรียนเทพศิรินทร์[แก้]
1. เป็นโรงเรียนรัฐบาลที่มีอายุมากเป็นลำดับที่ 4 ของประเทศไทย รองจากโรงเรียนพระตำหนักสวนกุหลาบ โรงเรียนวัดมหรรณพ์ และโรงเรียนวัดราชบพิธ และยังเป็นโรงเรียนชายล้วนที่เก่าแก่เป็นอันดับที่ 5 ของประเทศไทย รองจาก โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย โรงเรียนพระตำหนักสวนกุหลาบโรงเรียนอัสสัมชัญ และ โรงเรียนวัดราชบพิธ
2. เป็นโรงเรียนรัฐบาลแห่งเดียวในประเทศไทย ที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเข้ารับการศึกษา คือ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร รัชกาลที่ 8 (พระองค์ทรงเข้ารับการศึกษาเมื่อปี พ.ศ. 2475 เลขประจำพระองค์ 2329 ป.)
3. โรงเรียนเทพศิรินทร์ เป็นโรงเรียนแรกที่พระบรมวงศานุวงศ์และขุนนาง เป็นผู้ดำเนินการสร้างอาคารเรียนทั้งหมดในโรงเรียน
4. เป็นโรงเรียนแรกที่มีตราประจำโรงเรียน เมื่อปี พ.ศ. 2465
5. เป็นโรงเรียนแรกที่มีวงดนตรีไทยประจำโรงเรียน จัดตั้งขึ้นเมื่อปี 2466 โดยครูฟุ้ง ศรีวิจารณ์
6. เป็นโรงเรียนแรกที่มีการจัดงานรื่นเริงประจำปี เมื่อปี 2454
7. เป็นโรงเรียนแรกที่มีโรงพละศึกษา โดยสมเด็จเจ้าฟ้ากรมขุนเพชรบูรณ์อินทราชัยทรงประทานเงินให้สร้างเมื่อปี 2464 โรงพละศึกษานี้ถูกระเบิดทำลายในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 และไม่ได้สร้างขึ้นใหม่
8. เป็นโรงเรียนที่มีเพลงเชียร์มากที่สุดในประเทศไทย
9. เป็นโรงเรียนแห่งแรก ที่สามารถสร้างตึกเรียนที่สูงเกิน 5 ชั้นได้ คือ ตึกเยาวมาลย์อุทิศ-ปิยราชบพิตรปดิวรัดา ในปัจจุบัน
10. นักเรียนที่จบจากโรงเรียนเทพศิรินทร์ จะไม่เรียกว่า "ศิษย์เก่า" แต่จะเรียกว่า "นักเรียนเก่า"
11. ถึงแม้จะเป็นโรงเรียนชายล้วน แต่ก็เคยมีนักเรียนหญิงเข้ามาศึกษาที่นี่ถึง 3 คน ในปี พ.ศ. 2537-พ.ศ. 2539
12. มีนายกสมาคมนักเรียนเก่าเทพศิรินทร์ฯ 3 คน ที่ไม่ได้เป็นนักเรียนเก่าเทพศิรินทร์ คือ พระยาปรีชานุสาสน์ (เสริญ ปันยารชุน),วัน จามรมาน และสมาน ปันยารชุน
14. ครั้งหนึ่ง หลวงประดิษฐไพเราะ (ศร ศิลปบรรเลง) ได้มาเป็นอาจารย์สอนดนตรีไทยให้กับโรงเรียนเทพศิรินทร์
15. ในปี พ.ศ. 2457 โรงเรียนมัธยมวัดเทพศิรินทร์เริ่มมีชั้นเรียนทั้งประถมและมัธยมครบถ้วนจนถึงมัธยม 8 จึงทำให้นักเรียนจำนวนมากที่เรียนอยู่ในช่วงปี พ.ศ. 2457 ถึง พ.ศ. 2479 มีความเป็นนักเรียนเทพศิรินทร์นานถึง 12 ปี
16. ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2480โรงเรียนมัธยมเทพศิรินทร์ไม่มีชั้นประถมอีกต่อไป จัดเป็นโรงเรียนระดับมัธยมศึกษาอย่างแท้จริง
17. ในปี พ.ศ. 2481 นักเรียนโรงเรียนหอวังระดับชั้นมัธยม 1 ถึง 3 ถูกโอนย้ายมาศึกษาที่โรงเรียนมัธยมวัดเทพศิรินทร์ เนื่องจากในปีนั้นทางราชการได้จัดตั้งโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาขึ้นและยุบโรงเรียนหอวังไป และได้ฟื้นฟูโรงเรียนหอวังขึ้นมาอีกครั้งในปี พ.ศ. 2509 ณ ที่ตั้งตำแหน่งปัจจุบัน
18. ในปี พ.ศ. 2452 สมเด็จพระราชปิตุลาบรมพงศาภิมุข เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช ประทานโต๊ะเรียนหนังสือแบบฝรั่งแก่ชั้นต่างๆ ชั้นละ 1 โต๊ะ สำหรับผู้สอบซ้อมได้ที่หนึ่งนั่งคนละหนึ่งเดือน
19. ในพ.ศ. 2500 ผู้สอบได้ที่หนึ่ง จะได้นั่งโต๊ะที่จารึกชื่อไว้ว่า "เรียนดี" ตั้งอยู่ตรงกลางของแถวหน้าของชั้น โดยตั้งคู่กับโต๊ะ "ประพฤติดี"
20. สมาคมนักเรียนเก่าเทพศิรินทร์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ ก่อตั้งขึ้นครั้งแรกที่ประเทศอังกฤษ เมื่อปี 2468 มีพระองค์เจ้าจุมภฏพงษ์บริพัตรฯ เป็นผู้ร่วมก่อตั้งและเป็นนายกสมาคมคนแรก
21. ครั้งหนึ่ง งานจตุรมิตรสามัคคีปี 2514 โรงเรียนเทพศิรินทร์เป็นเจ้าภาพ ได้จัดหาวงดุริยางค์นำขบวนจากโรงเรียนสตรีชื่อ "ศึกษาวิทยา" โดยมี"นางสาวอาภัสรา หงสกุล" ได้มาเป็นดรัมเมเยอร์ไม้หนึ่งให้กับโรงเรียนเทพศิรินทร์ด้วย ซึ่งต่อมาเธอก็ได้เป็นนางงามจักรวาลคนแรกของไทย
22. เทพศิรินทร์เป็นโรงเรียนสาธิตแห่งแรกของประเทศไทย (ก่อนสาธิตจุฬาหรือสาธิตปทุมวัน) เพราะปี 2445-2449 โรงเรียนฝึกหัดครู (ปัจจุบันคือมหาวิทยาลัยราชภัฎ) ได้ย้ายจากตรอกโรงเรียนเด็กมาเรียนที่ชั้น 2 ของตึกแม้นนฤมิตร โดยมาฝึกสอนนักเรียนเทพศิรินทร์ที่ชั้น 1 ดังนั้นจึงถือว่า โรงเรียนเทพศิรินทร์เป็นโรงเรียนสาธิตแห่งแรกของประเทศไทย
23. เทพศิรินทร์เป็นโรงเรียนแรกที่มีการเรียนการสอนในระบบสองภาษา เพราะในปี 2449-2453 โรงเรียนสวนกุหลาบอังกฤษได้มาสอนอยู่ที่ชั้นบนของตึกแม้นนฤมิตร หลังจากที่โรงเรียนฝึกหัดครูย้ายออกไป เรียกชื่อว่า "โรงเรียนสวนกุหลาบอังกฤษเทพศิรินทร์"
24. ในปี 2468 มีประกาศยุบโรงเรียนราชวิทยาลัย ให้รวมกับโรงเรียนมหาดเล็กหลวงตั้งเป็นโรงเรียนวชิราวุธวิทยาลัย นักเรียนของโรงเรียนราชวิทยาลัยจึงเลือกที่จะย้ายมาศึกษาต่อที่โรงเรียนเทพศิรินทร์ ต่อมาในปี 2507 ได้มีการรื้อฟื้นโรงเรียนราชวิทยาลัย ตั้งเป็นโรงเรียน ภปร.ราชวิทยาลัยในปัจจุบัน
25. โรงเรียนเทพศิรินทร์เป็นโรงเรียนเดียวในประเทศไทย ที่สามารถสร้างผู้นำให้กับต่างประเทศได้ เพราะท่านตนกู อับดุล ระห์มัน นายกรัฐมนตรีคนแรกของประเทศมาเลเซีย ได้เข้าเรียนที่โรงเรียนเทพศิรินทร์ในปี พ.ศ. 2456
26. โรงเรียนเทพศิรินทร์เป็นโรงเรียนแรกที่มีวารสารประจำโรงเรียน คือ "แถลงการศึกษาโรงเรียนเทพศิรินทร์" ตั้งแต่ปี 2466 เป็นต้นมา
27. ในปีพ.ศ. 2520 อาจารย์สมศักดิ์ บุญเรืองขาว ครูผู้ฝึกสอนฟุตบอลของโรงเรียนในสมัยอาจารย์เจือ หมายเจริญ และอาจารย์ชาลี ถาวรานุรักษ์ เป็นผู้อำนวยการ ได้วางรากฐานฟุตบอลอย่างเข้มแข็งให้แก่โรงเรียน โดยสอนทักษะให้แก่นักฟุตบอลตั้งแต่ยังเป็นทีมเด็ก ในช่วงปี 2522-2527 ทีมเทพศิรินทร์ชนะเลิศในรุ่นต่างๆมากมาย อันเป็นการสร้างตำนานมหาอำนาจลูกหนังขาสั้นของโรงเรียน เช่นได้แชมป์ฟุตบอลกรมพลศึกษารุ่นจิ๋วถึง 5 ปีซ้อน (2522 - 2526) ได้แชมป์รุ่นอายุ 13 ปี ติดต่อกันสามปี ( 2525-2527) และได้แชมป์กรมพลศึกษารุ่น 15 ปี สามปีซ้อน (2526-2528)
28. โรงเรียนเทพศิรินทร์ เป็นโรงเรียนที่ตั้งอยู่ที่เดิมมาตลอดตั้งแต่เริ่มก่อตั้ง โดยไม่ได้ย้ายไปไหนเลยตลอดเกือบ 130 ปี
29. โรงเรียนเทพศิรินทร์จดทะเบียน กองลูกเสือสามัญรุ่นใหญ่เป็นกองแรกของประเทศไทย เมื่อปี พ.ศ. 2509
อ้างอิงจาก
-บทความเรื่อง "ประวัติศาสตร์เทพศิรินทร์ที่ไม่เคยรู้" โดย ดร.ชัยวัฒน์ วิบูลย์สวัสดิ์ ท.ศ. 04-06
-เว็บไซต์สมาคมนักเรียนเก่าเทพศิรินทร์ ในพระบรมราชนูปถัมภ์
-เฟซบุ๊คแฟนเพจ Debsirin Alumni Association
-พิพิธภัณฑ์เพื่อการศึกษาโรงเรียนเทพศิรินทร์
-คุณครู นักเรียนเก่าเทพศิรินทร์
โรงเรียนมัธยมศึกษาใกล้เคียง[แก้]
- โรงเรียนสายปัญญา ในพระบรมราชินูปถัมภ์
- โรงเรียนไตรมิตรวิทยาลัย
- โรงเรียนสตรีวัดมหาพฤฒาราม ในพระบรมราชินูปถัมภ์
สถานที่ที่อยู่ใกล้เคียง[แก้]
- ตลาดโบ๊เบ๊
- หอบำรุงเมืองพลาซ่า (โซโห)
- วงเวียน 22 กรกฎาคม
- สถานีรถไฟกรุงเทพ
- การรถไฟแห่งประเทศไทย
- ซอยยศเส
- โรงพยาบาลหัวเฉียว
- โรงพยาบาลกลาง
- ถนนเยาวราช
- วัดพลับพลาชัย
- วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร (ภูเขาทอง)
- คลองถม
- โรงแรมปริ๊นซ์พลาเลส (อาคารโบ๊เบ๊ทาวเวอร์)
- วัดมังกรกมลาวาส
- กระทรวงพลังงาน (ประเทศไทย)
- วัดชำนิหัตถการ (วัดสา
หวังอย่างยิ่งว่าจะเป็นประโยชน์นะครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น